ในยุคที่ลูกค้าตัดสินแบรนด์จาก “ประสบการณ์แรก” การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ดีจึงมีความสำคัญมาก โดยเฉพาะ “ถ้วยและแก้วกระดาษ” ซึ่งถือเป็นไอเท็มหลักของร้านเครื่องดื่มและอาหารแบบ Grab & Go หลายร้านเลือกใช้ถ้วยราคาถูกเพื่อประหยัดต้นทุน แต่รู้หรือไม่ว่า ถ้วยที่ “บางเกินไป” อาจทำให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อน ทั้งเรื่องการใช้งานจริง ความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือของแบรนด์
ประสบการณ์จากการใช้งานจริง: “ประหยัดวันนี้ เสียหายมากกว่าในวันหน้า”
คุณตูน เจ้าของร้านกาแฟย่านปิ่นเกล้า แบ่งปันว่า:
“ตอนเปิดร้านใหม่ๆ เราเลือกใช้ถ้วยกระดาษราคาถูกใบละไม่ถึงบาทจากร้านค้าทั่วไป ตอนแรกก็คิดว่าแค่ใส่กาแฟไม่น่ามีปัญหา แต่พอเริ่มขายจริง ลูกค้าบ่นว่าร้อนมือ บางคนถือแล้วยุบ บางรายถึงกับทำหกกลางร้าน ตอนนั้นเสียลูกค้าไปหลายคนเพราะคิดว่าเราประหยัดจนกระทบคุณภาพ”
หลังจากเปลี่ยนมาใช้ถ้วยที่ได้มาตรฐานฟู้ดเกรด ความหนา 300 แกรม เคลือบ PE อย่างดี พร้อมปลอกกระดาษกันร้อน ลูกค้าชื่นชมมากขึ้น ยอดรีวิวดีขึ้น และไม่มีเหตุการณ์หกซ้ำอีก
ข้อเสียหลักของถ้วยหรือแก้วกระดาษที่บางเกินไป
1. ไม่สามารถรองรับอุณหภูมิของเครื่องดื่มได้ดี
ถ้วยหรือแก้วกระดาษที่บางเกินไปจะ ไม่สามารถเก็บความร้อนหรือความเย็นได้ดี ส่งผลให้ผู้บริโภคสัมผัสกับความร้อนโดยตรง และรู้สึกไม่สบายขณะถือเครื่องดื่มร้อน เช่น กาแฟ หรือชา
- กรณีถ้วยใส่เครื่องดื่มร้อน อาจเกิดอาการ “ร้อนมือ” จนผู้ใช้ต้องหาผ้ามารองหรือขอปลอกกระดาษเพิ่ม
- ในบางกรณีที่ถ้วยบางมาก อาจเกิดการ “ยุบตัว” หรือบิดเบี้ยวจากความร้อน ทำให้เครื่องดื่มหก
2. เสี่ยงต่อการรั่วซึมหรือเสียรูปง่าย
เมื่อกระดาษมีความบางและไม่มีชั้นเคลือบที่ดีเพียงพอ ถ้วยหรือแก้วกระดาษนั้นจะ ไม่สามารถทนต่อความชื้นหรือของเหลวได้ดี โดยเฉพาะหากใช้กับเครื่องดื่มเย็นที่มีน้ำแข็ง ซึ่งเกิดการควบแน่นภายนอก
- อาจเกิดการ “เปื่อย” ของก้นถ้วย
- เสี่ยงต่อการ “ซึม” จนเปื้อนมือหรือเสื้อผ้าของลูกค้า
3. ลดความน่าเชื่อถือของแบรนด์
บรรจุภัณฑ์คือความประทับใจแรก ถ้วยกระดาษที่บาง ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ไม่ใส่ใจคุณภาพ ส่งผลต่อภาพลักษณ์โดยตรง โดยเฉพาะแบรนด์ที่เน้นความพรีเมียม
ผู้บริโภคจำนวนมากมองว่า ถ้วยกระดาษที่แข็งแรง คือสัญญาณของร้านที่ใส่ใจและมีมาตรฐาน
4. ไม่เหมาะกับการพิมพ์โลโก้หรือสื่อสารแบรนด์
กระดาษที่บางอาจมีปัญหาในการพิมพ์โลโก้หรือดีไซน์ เพราะ:
- สีหมึกอาจดูซีด ไม่ชัดเจน
- พื้นผิวอาจมีคลื่นหรือไม่เรียบ ทำให้การพิมพ์ไม่สมบูรณ์
- ความบางทำให้ถ้วยเสียรูปง่าย ทำให้โลโก้แบรนด์เบี้ยวหรือบิดเบือน
5. ไม่สามารถใช้กับเครื่องซีลหรือฝาได้ทุกประเภท
หากธุรกิจของคุณต้องใช้เครื่องซีล หรือใช้ฝาพลาสติกครอบถ้วยบางประเภท ถ้วยที่บางเกินไปอาจไม่พอดีกับอุปกรณ์ดังกล่าว ทำให้เกิดปัญหาในการบรรจุอาหารหรือเครื่องดื่ม และเพิ่มความเสี่ยงที่ฝาจะหลุดระหว่างขนส่ง
ของราคาถูกมากไป… ไม่คุ้มในระยะยาว
ในตลาดถ้วยกระดาษมีสินค้าราคาถูกเพียง 0.60–0.80 บาทต่อใบ ซึ่งมักผลิตจากกระดาษความหนาต่ำ (ไม่ถึง 200 แกรม) และไม่มีมาตรฐานความปลอดภัย เช่น GHPs หรือ HACCP
ตัวอย่าง:
- แก้วกระดาษบางจากโรงงานไม่มีใบรับรอง: ถือแล้วร้อน ยุบ และเปื่อยภายใน 15 นาที
- เปรียบเทียบกับถ้วย 9 ออนซ์ เคลือบ PE จากโรงงานที่ผ่านการรับรอง: แข็งแรง คงรูป แม้ใส่กาแฟร้อนนานเกิน 30 นาที
หากลูกค้าซื้อกาแฟ 60 บาทแต่ได้ถ้วยที่พับจนหก ประสบการณ์นั้นอาจทำให้เขา “ไม่กลับมาอีกเลย” เท่ากับต้นทุนที่ถูกลงแค่ 0.5 บาท อาจทำให้คุณ เสียยอดขายหลักพัน
ทางเลือกที่ดีกว่า: ถ้วยกระดาษคุณภาพดี คุ้มกว่าในระยะยาว
หากคุณกำลังเลือกถ้วยหรือแก้วกระดาษสำหรับร้านของคุณ เราขอแนะนำให้:
- เลือกความหนาไม่ต่ำกว่า 250 แกรม
- เคลือบ PE หรือ PLA อย่างทั่วถึง
- มีปลอกกระดาษ หรือเป็นแบบ Double Wall
- ใช้หมึกพิมพ์ Soy Ink เพื่อความชัดและปลอดภัย
- ผ่านมาตรฐาน GHPs / HACCP / ISO
โรงงานที่ได้มาตรฐานจะมีเอกสารรับรอง และมักให้บริการพิมพ์โลโก้แบรนด์เพื่อเสริมภาพลักษณ์ทางการตลาด
แหล่งอ้างอิง
- กรมอนามัย – แนวทางการเลือกบรรจุภัณฑ์อาหาร
- FAO Codex: General Principles of Food Hygiene CXC 1-1969
- ประสบการณ์ตรงจากร้านกาแฟในโครงการตลาดนัดจตุจักร (บทสัมภาษณ์ภาคสนามปี 2566)
- ข้อมูลจากผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ได้รับ GHPs & HACCP ในประเทศไทย
สรุป: อย่าประหยัดผิดจุด ถ้วยกระดาษบาง = เสียทั้งแบรนด์และลูกค้า
อย่ามองแค่ราคาต่อใบ ให้มองที่ “คุณภาพต่อประสบการณ์” แก้วหรือถ้วยที่ดี ควรเสริมให้สินค้าของคุณดูน่าเชื่อถือ ไม่ใช่กลายเป็นจุดที่ทำให้ลูกค้าผิดหวัง คุณสนใจ สั่งผลิตถ้วยกระดาษพิมพ์โลโก้คุณภาพสูง พร้อมคำปรึกษาจากทีมผู้เชี่ยวชาญ สามารถติดต่อเราได้ที่ https://www.sajjapack.com/หมวดสินค้า/ถ้วยกระดาษ